ท่อสีเขียว ท่อพีพีอาร์ทนความร้อนได้กี่องศา
ดีกว่าท่อเหล็กอย่างไร
เคล็ดลับที่ควรรู้ก่อนการติดตั้งท่อพีพีอาร์สำหรับท่อน้ำร้อน น้ำอุ่น
แน่นอนว่าในการดูบ้าน หรือตัดสินใจสร้างบ้าน นอกจากทำเล ราคา หรือรูปแบบบ้านแล้ว วัสดุที่ใช้ในการติดตั้งระบบ เช่น ระบบไฟฟ้า หรือระบบประปาก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้อาศัยให้ความสำคัญ เพราะโดยส่วนมากปัญหาที่พบบ่อย คือ ท่อน้ำรั่ว น้ำซึม หรือบ้านที่ถูกสร้างมานานหลายปีเกิดการทรุดตัวลง ทำให้ท่อประปาแตก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าวัสดุในการติดตั้งท่อเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงจะเลือกติดตั้งวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งาน ทนทานต่อแรงดัน ดังนั้นท่อพีพีอาร์จึงตอบโจทย์การใช้งานในการติดตั้งท่อประปาในครัวเรือนมากที่สุด เราลองมารู้จักกันดีกว่าว่าคือท่อพีพีอาร์คืออะไร และมีคุณสมบัติอย่างไร
ท่อพีพีอาร์ หรือ ท่อ PPR ย่อมาจาก Polypropylene Random Copolymer หรือที่ช่างมักเรียกกันว่า ท่อเขียว เป็นท่อที่มีความทนทานสูง นิยมใช้ในระบบท่อน้ำประปา หรือระบบที่มีแรงดันสูง ซึ่งท่อพีพีอาร์นั้นถูกผลิตจากโพลีโพรไพลีนแรนดอมโคโพลีเมอร์ มีคุณสมบัติดีกว่าท่อที่ถูกใช้ในลักษณะงานประเภทเดียวกัน หรือท่อ PVC โดยตัวท่อนั้นสามารถทนความร้อนได้ดีกว่า ในการเชื่อมต่อท่อใช้ความร้อนในการหลอมต่อท่อเข้าด้วยการ จึงช่วยลดปัญหาการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี
ก่อนจะติดตั้งท่อลองมารู้จักคุณสมบัติของท่อพีพีอาร์ว่ามีอะไรบ้าง
ท่อพีพีอาร์มีความทนทานกว่าท่อพีวีซี ในเรื่องของการทนแรงดันได้สูงกว่า หากเป็นท่อ PVC เมื่อภายในท่อมีแรงดันสูงจะทำให้ท่อแตก และเกิดการรั่วไหลของน้ำหรือลมได้ แต่สำหรับท่อ PPR ที่มีความทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูงกว่า จึงสามารถทนต่อแรงดันสูงได้เป็นอย่างดี
ท่อ PPR สามารถทนน้ำร้อนได้สูง มากถึง 95 องศา สำหรับท่อ PN20, ท่อ PN20 Fiber Composit และสำหรับท่อ PN10 จะทนความร้อนได้ 55 องศา
สามารถทนต่อแรงดันได้ดี 10 Bar สำหรับท่อ PN10 ส่วนท่อ PN20 และท่อ PN20 Fiber Composit สามารถทนแรงดันได้ 20 Bar
มีความทนทานต่อสารเคมี มีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการลำเลียงสารเคมี
สามารถใช้ความร้อนในการหลอมละลายระหว่างข้อต่อและท่อ ทำให้เชื่อมให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ หากมีรอยรั่วซึม สามารถซ่อมได้ด้วยการใช้เครื่องเชื่อมท่อ PPR เชื่อมแท่งอุดแล้วให้ความร้อนหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้
มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 30-50 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน อุณหภูมิ ความดันและการติดตั้ง
วิธีการในการติดตั้ง สามารถใช้ช่างประปาในการติดตั้งได้เลย ซึ่งการติดตั้งท่อต้องใช้ความร้อนในการเชื่อมโดยใช้เครื่องเชื่อม ไม่ต้องใช้กาวในเชื่อมต่อท่อเข้าด้วยกัน
ตัวเลือกในการติดตั้งท่อน้ำร้อนในอาคาร หรืองานเดินท่อนั้นมีตัวเลือกมากมาย หนึ่งในนั้นก็จะมี ท่อเหล็ก เป็นตัวเลือกในการติดตั้ง ซึ่งท่อเหล็กกับท่อพีพีอาร์มีคุณสมบัติ ที่ใกล้เคียงกัน มาดูกันดีกว่าท่อเหล็กนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร
คุณสมบัติของท่อเหล็กกันบ้าง ว่าท่อเหล็ก มีคุณสมบัติอย่างไร
ท่อเหล็กจะมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม ประปา หรือเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอุตสาหกรรมประปา ส่วนมากจะใช้ท่อเหล็กอาบสังกะสี
ท่อเหล็ก สามารถรองรับการกระแทกและน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ไม่หักไม่งอง่าย
สามารถทนทานต่อแรงดันและความร้อนสูงได้
เนื่องจากท่อเหล็กต้องถูกฝังลงดิน ทำให้มีการขุดมาซ่อมแซมได้ยาก จึงทำให้เกิดสนิมขึ้นได้ง่าย ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ถ้าต้องการที่จะซ่อมแซมคือต้องเปลี่ยนรื้อถอนทั้งหมด
เนื่องจากท่อเหล็กที่ต้องเชื่อมข้อต่อ เวลาเชื่อมยังคงมีรอยต่อเกิดขึ้น ซึ่งรอยต่อนั้นจะทำให้เกิดสนิมง่ายกว่าท่อพีพีอาร์ ท่อและข้อต่อจะผสานเป็นเนื้อเดียวกัน
ความแตกต่างระหว่างท่อเหล็กและท่อพีพีอาร์มีดังนี้
ท่อเหล็กจะเกิดสนิมง่ายกว่า เนื่องจากท่อพีพีอาร์ผลิตจากวัสดุโพลีโพรไพลีนแรนดอมโคโพลีเมอร์ (Poly Propylene Random-copolymer) ซึ่งไม่ทำให้เกิดสนิม
การติดตั้งท่อเหล็กจำเป็นต้องฝังลงดิน ทำให้การขุดซ่อมแซมได้ยาก ซึ่งท่อ PPR สามารถซ่อมแซมได้ง่ายกว่า โดยการใช้แท่งอุดหลอมความร้อนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากท่อเหล็ก ที่เป็นเห็นเป็นข้อต่อ ซึ่งตรงข้อต่อจะสามารถแตกหักง่ายและตรงข้อต่อจะเป็นรอยสนิมง่าย
ท่อพีพีอาร์จะมีน้ำหนักเบากว่าท่อเหล็ก